การปลูกต้นไม้
1.รู้จักธรรมชาติของต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยง
ต้นไม้แต่ละชนิดชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆกัน
และไม้ดอกไม้ประดับทั้งหมดก็มีที่มาดั้งเดิมจากธรรมชาตินั่นเอง
ถึงแม้จะมีการปรับปรุงสายพันธุ์ หรือเป็นลูกผสมแล้วก็ตามยังไงก็จะยังคงมีพื้นฐานพันธุกรรมจากบรรพบุรุษติดมาอยู่เสมอ
ดังนั้นหากเราทราบว่าในธรรมชาติดั้งเดิมของต้นไม้เขามีความเป็นอยู่อย่างไร
ชอบขึ้นอยู่บนวัสดุปลูกประเภทใดมีธาตุอาหารตัวไหนสูง ความชื้นของอากาศ
ในพื้นที่ดั้งเดิมเป็นเท่าไหร่ความแตกต่างระหว่างกลางวันกลางคืนเป็นอย่างไร
ชอบขึ้นอยู่ใต้เงาไม้คลึ้มหรือว่าอยู่กลางแจ้ง ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งรู้มาก
ก็จะเข้าใจต้นไม้ชนิดนั้นมากขึ้นเมื่อเข้าใจก็จะสามารถนำมาปรับใช้
ให้เหมาะสมกับสถานที่ปลูกเลี้ยงได้ถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่าจะต้องใช้ความชำนาญ
และความเก๋าเกมส์พอควรในการตีความหมายจากข้อมูลเพื่อนำมาปรับใช้
ซึ่งอาจต้องอาศัยการฝึกฝนในด้านการสังเกต
และการประยุกต์ใช้สิ่งรอบตัวซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์อันถือได้ว่าเป็นที่สุดแห่งเคล็ดลับการปลูกเลี้ยงต้นไม้เลยทีเดียว
2.วัสดุปลูก
โดยทั่วไปวัสดุปลูกจะประกอบจากวัสดุหลายๆชนิดผสมกันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่าวัสดุปลูกเพียงแบบใดแบบหนึ่งเพียงชนิดเดียวมักจะมีคุณสมบัติข้อดีเพียงด้านเดียว
กล่าวคือวัสดุที่มีคุณสมบัติดีมากมักมีราคาแพง
วัสดุประเภทที่ดูดซับและรักษาความชื้นได้ดีมักจะระบายอากาศได้ไม่ดี
ส่วนวัสดุที่ระบายอากาศได้ดีก็มักจะดูดซับและรักษาความชื้นได้ไม่ดีนัก
บางชนิดมีธาตุอาหาร ในขณะที่บางวัสดุปลูกก็ไม่มีธาตุอาหารเลย
วัสดุปลูกที่เหลือใช้และหาได้ง่ายในบ้านเรามีอยู่มากมายอาทิเช่น เปลือกมะพร้าว
ทรายหยาบ แกลบดิบ ขี้เถ้าแกลบ เปลือกไม้แห้งใบไม้ผุ ขี้วัวแห้ง ถ่านไม้
หินชนิดต่างๆ โฟมหักเป็นชิ้นขนาดต่างๆ
3. วางไว้ให้ถูกที่
พิจารณาว่าพืชที่ปลูกชอบสภาพแวดล้อมแบบใดปัญหาส่วนมากจะพบในต้นไม้ที่ต้องการความชื้นสูง
เช่นพวกพันธุ์ไม้จากป่าดิบชื้นและเฟริน
หากชอบที่ชื้นก็ต้องทำพื้นที่ให้เอื้อต่อการเกิดความชื้น เช่น
หาวัตถุบังลมเช่นต้นไม้ใหญ่หรือซาแลนมาขึงบังลมไว้ ปูด้วยทรายหยาบ หรืออิฐมอญ
หาอ่างน้ำมาตั้งใกล้ๆตั้งชิดรวมกันเป็นกลุ่มๆ หรือใช้เครื่องควบคุมเช่นระบบน้ำหยด
หรือพ่นหมอกวิธีการเหล่านี้ใช้ร่วมกันหรืออย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสมจะช่วยเพิ่มความชื้นได้อีกปัญหาหนึ่งคือปัญหาความสกปรกควรหลีกเลี่ยงการวางบนพื้นดินโดยตรงหรือวางตรงบริเวณที่เวลารดน้ำ
แล้วดินไม่สามารถกระเด็นมาโดนใบ-ซอกใบ ควรวางต้นไม้บนวัสดุรองกระถางหรือวางบนพื้นที่ปูด้วยอิญหรือทรายหยาบ
และหาหาเศษอิฐหรือหินกรวดแม่น้ำมาโรยปิดหน้าวัสดุปลูกไว้
เพื่อไม่ให้เกิดการกระเด็นเวลารดน้ำ
ควรรดน้ำแต่เช้าตรู่เพราะต้นไม้ส่วนใหญ่
จะใช้ประโยชน์จากน้ำในตอนกลางวันเท่านั้น เคล็ดลับก็คือทำยังไงก็ได้ให้เครื่องปลูกมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอในเวลากลางวัน
แต่ต้องแห้งหมาดๆในเวลากลางคืน พืชบางชนิดรดน้ำตอนเช้าครั้งเดียวก็พอแล้ว
บางชนิดที่ชอบชื้นมากก็รดอีกทีตอนเที่ยงหรือบ่ายๆ
(การรดน้ำตอนแดดจัดมากช่วงฤดูร้อน แนะนำภายใต้โรงเรือนเพาะชำเท่านั้น
เพราะในสภาพกลางแจ้งบางครั้งหยดน้ำที่ค้างที่ใบ อาจทำให้ใบมีอุณหภูมิสูง
จนเกิดความเสียหายและเชื้อก่อโรคแทรกได้) หลีกเลี่ยงการรดน้ำตอนหัวค่ำอย่างเด็ดขาดเพราะหยดน้ำที่ค้างตามซอกใบและวัสดุปลูกในเวลากลางคืนจะเอื้อต่อการเจริญของเชื้อก่อโรคได้เป็นอย่างดีการรดน้ำไม่ควรฉีดแรง
ควรรดให้เป็นฝอยละเอียดตกลงที่ใบแล้วใบจะทำหน้าที่ในการรวบรวมหยดน้ำไหลลงสู่โคนต้นคล้ายกับธรรมชาติของฝนตก
ตรงนี้ไม่ควรมองข้ามเพราะได้แฝงไว้ด้วยกลเม็ดอันแยบยลคือ
การรดน้ำเป็นฝอยนอกจะไม่ทำให้ใบเกิดบาดแผลแล้ว
ยังเป็นการชำระล้างใบให้สะอาดส่งผลดีทั้งในแง่การสังเคราะห์แสง (ไม่มีฝุ่นบังแสง)
และในแง่การล้างเชื้อก่อโรคที่สะสมบนใบและต้นออกไป อีกทั้งการรดน้ำเป็นฝอยจะลดการกระเด็นของดิน-วัสดุปลูกขึ้นมาเกาะที่ใบ
ป้องกันเชื้อโรคเข้าทำลายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่การฉีดน้ำแรงเกินไปจะทำให้เกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจและเชื้อก่อโรคได้ใช้เป็นช่องทางในการเข้าทำลาย
เห็นได้ว่าผลที่สุดแล้วความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญต่อการปลูกเลี้ยงต้นไม้
ต้นไม้ที่เน่าง่ายเช่พวกใบนิ่มอวบน้ำหรือต้นที่มีที่มาจากแหล่งหนาวเย็น
จำเป็นจะต้องใส่ใจกับความสะอาดเป็นพิเศษภาชนะและวัสดุปลูกที่ต้นไม้เป็นโรคตายไม่ควรนำใช้ใหม่
https://www.google.co.th/search?q=การปลูกต้นไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น