วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การปลูกต้นไม้


การปลูกต้นไม้
1.รู้จักธรรมชาติของต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยง
ต้นไม้แต่ละชนิดชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆกัน และไม้ดอกไม้ประดับทั้งหมดก็มีที่มาดั้งเดิมจากธรรมชาตินั่นเอง ถึงแม้จะมีการปรับปรุงสายพันธุ์ หรือเป็นลูกผสมแล้วก็ตามยังไงก็จะยังคงมีพื้นฐานพันธุกรรมจากบรรพบุรุษติดมาอยู่เสมอ ดังนั้นหากเราทราบว่าในธรรมชาติดั้งเดิมของต้นไม้เขามีความเป็นอยู่อย่างไร ชอบขึ้นอยู่บนวัสดุปลูกประเภทใดมีธาตุอาหารตัวไหนสูง ความชื้นของอากาศ ในพื้นที่ดั้งเดิมเป็นเท่าไหร่ความแตกต่างระหว่างกลางวันกลางคืนเป็นอย่างไร ชอบขึ้นอยู่ใต้เงาไม้คลึ้มหรือว่าอยู่กลางแจ้ง ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งรู้มาก ก็จะเข้าใจต้นไม้ชนิดนั้นมากขึ้นเมื่อเข้าใจก็จะสามารถนำมาปรับใช้ ให้เหมาะสมกับสถานที่ปลูกเลี้ยงได้ถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่าจะต้องใช้ความชำนาญ และความเก๋าเกมส์พอควรในการตีความหมายจากข้อมูลเพื่อนำมาปรับใช้ ซึ่งอาจต้องอาศัยการฝึกฝนในด้านการสังเกต และการประยุกต์ใช้สิ่งรอบตัวซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์อันถือได้ว่าเป็นที่สุดแห่งเคล็ดลับการปลูกเลี้ยงต้นไม้เลยทีเดียว

2.วัสดุปลูก
โดยทั่วไปวัสดุปลูกจะประกอบจากวัสดุหลายๆชนิดผสมกันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่าวัสดุปลูกเพียงแบบใดแบบหนึ่งเพียงชนิดเดียวมักจะมีคุณสมบัติข้อดีเพียงด้านเดียว กล่าวคือวัสดุที่มีคุณสมบัติดีมากมักมีราคาแพง วัสดุประเภทที่ดูดซับและรักษาความชื้นได้ดีมักจะระบายอากาศได้ไม่ดี ส่วนวัสดุที่ระบายอากาศได้ดีก็มักจะดูดซับและรักษาความชื้นได้ไม่ดีนัก บางชนิดมีธาตุอาหาร ในขณะที่บางวัสดุปลูกก็ไม่มีธาตุอาหารเลย วัสดุปลูกที่เหลือใช้และหาได้ง่ายในบ้านเรามีอยู่มากมายอาทิเช่น เปลือกมะพร้าว ทรายหยาบ แกลบดิบ ขี้เถ้าแกลบ เปลือกไม้แห้งใบไม้ผุ ขี้วัวแห้ง ถ่านไม้ หินชนิดต่างๆ โฟมหักเป็นชิ้นขนาดต่างๆ 



 3. วางไว้ให้ถูกที่
พิจารณาว่าพืชที่ปลูกชอบสภาพแวดล้อมแบบใดปัญหาส่วนมากจะพบในต้นไม้ที่ต้องการความชื้นสูง เช่นพวกพันธุ์ไม้จากป่าดิบชื้นและเฟริน หากชอบที่ชื้นก็ต้องทำพื้นที่ให้เอื้อต่อการเกิดความชื้น เช่น หาวัตถุบังลมเช่นต้นไม้ใหญ่หรือซาแลนมาขึงบังลมไว้ ปูด้วยทรายหยาบ หรืออิฐมอญ หาอ่างน้ำมาตั้งใกล้ๆตั้งชิดรวมกันเป็นกลุ่มๆ หรือใช้เครื่องควบคุมเช่นระบบน้ำหยด หรือพ่นหมอกวิธีการเหล่านี้ใช้ร่วมกันหรืออย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสมจะช่วยเพิ่มความชื้นได้อีกปัญหาหนึ่งคือปัญหาความสกปรกควรหลีกเลี่ยงการวางบนพื้นดินโดยตรงหรือวางตรงบริเวณที่เวลารดน้ำ แล้วดินไม่สามารถกระเด็นมาโดนใบ-ซอกใบ ควรวางต้นไม้บนวัสดุรองกระถางหรือวางบนพื้นที่ปูด้วยอิญหรือทรายหยาบ และหาหาเศษอิฐหรือหินกรวดแม่น้ำมาโรยปิดหน้าวัสดุปลูกไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการกระเด็นเวลารดน้ำ  
4. รดน้ำต้นไม้ให้ถูกเวลาและถูกวิธี
ควรรดน้ำแต่เช้าตรู่เพราะต้นไม้ส่วนใหญ่ จะใช้ประโยชน์จากน้ำในตอนกลางวันเท่านั้น เคล็ดลับก็คือทำยังไงก็ได้ให้เครื่องปลูกมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอในเวลากลางวัน แต่ต้องแห้งหมาดๆในเวลากลางคืน พืชบางชนิดรดน้ำตอนเช้าครั้งเดียวก็พอแล้ว บางชนิดที่ชอบชื้นมากก็รดอีกทีตอนเที่ยงหรือบ่ายๆ (การรดน้ำตอนแดดจัดมากช่วงฤดูร้อน แนะนำภายใต้โรงเรือนเพาะชำเท่านั้น เพราะในสภาพกลางแจ้งบางครั้งหยดน้ำที่ค้างที่ใบ อาจทำให้ใบมีอุณหภูมิสูง จนเกิดความเสียหายและเชื้อก่อโรคแทรกได้)  หลีกเลี่ยงการรดน้ำตอนหัวค่ำอย่างเด็ดขาดเพราะหยดน้ำที่ค้างตามซอกใบและวัสดุปลูกในเวลากลางคืนจะเอื้อต่อการเจริญของเชื้อก่อโรคได้เป็นอย่างดีการรดน้ำไม่ควรฉีดแรง ควรรดให้เป็นฝอยละเอียดตกลงที่ใบแล้วใบจะทำหน้าที่ในการรวบรวมหยดน้ำไหลลงสู่โคนต้นคล้ายกับธรรมชาติของฝนตก ตรงนี้ไม่ควรมองข้ามเพราะได้แฝงไว้ด้วยกลเม็ดอันแยบยลคือ การรดน้ำเป็นฝอยนอกจะไม่ทำให้ใบเกิดบาดแผลแล้ว ยังเป็นการชำระล้างใบให้สะอาดส่งผลดีทั้งในแง่การสังเคราะห์แสง (ไม่มีฝุ่นบังแสง) และในแง่การล้างเชื้อก่อโรคที่สะสมบนใบและต้นออกไป อีกทั้งการรดน้ำเป็นฝอยจะลดการกระเด็นของดิน-วัสดุปลูกขึ้นมาเกาะที่ใบ ป้องกันเชื้อโรคเข้าทำลายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่การฉีดน้ำแรงเกินไปจะทำให้เกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจและเชื้อก่อโรคได้ใช้เป็นช่องทางในการเข้าทำลาย เห็นได้ว่าผลที่สุดแล้วความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญต่อการปลูกเลี้ยงต้นไม้ ต้นไม้ที่เน่าง่ายเช่พวกใบนิ่มอวบน้ำหรือต้นที่มีที่มาจากแหล่งหนาวเย็น จำเป็นจะต้องใส่ใจกับความสะอาดเป็นพิเศษภาชนะและวัสดุปลูกที่ต้นไม้เป็นโรคตายไม่ควรนำใช้ใหม่


https://www.google.co.th/search?q=การปลูกต้นไม้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น